วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แบบฝึกหัด เรื่อง ซอฟแวร์

แบบฝึกหัด

เรื่อง ซอฟแวร์

1. ซอฟแวร์ประยุกต์เกี่ยวข้องกับระบบปฎิบัติการอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
           ซอฟต์แวร์ประยุกร์จะสามารถทำงานบนระบบปฏบัติการหนึ่งๆได้ ถ้าหากระบบปฎิบัติการมีสภาพแวดล้อม (Enviroment) ที่สามารถจัดสรรทรัพยากรของเครื่องให้แก่โปรแกรมประยุกต์นั้นได้ ถ้าหากไม่มีระบบปฏิบัติการหรือระบบปฏิบัติการที่ไม่สนับสนุน โปรแกรมประยุกต์นั้นก็ไม่สามารถที่จะทำงานได้

2. ซอฟแวร์ประเภท Open Source คืออะไร
           Open Source (ภาษาไทย: โอเพนซอร์ส) คือวิธีการในการออกแบบ พัฒนา และแจกจ่ายสำหรับต้นฉบับของสินค้าหรือความรู้ โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ โดยโอเพนซอร์ซถูกพิจารณาว่าเป็นทั้งรูปแบบหนึ่งในการออกแบบ และแผนการในการดำเนินการ โดยโอเพนซอร์ซเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นนำเอาระบบนั้นไปพัฒนาได้ต่อไป
Open Source จึงเป็นโปรแกรมที่มีนักพัฒนาสร้างขึ้นมา และนำมาแจกจ่ายหรือเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามาร่วมกันพัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ ได้ โดยมีการเปิดเผย Source Code และสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมไปพัฒนาต่อได้
เพราะฉะนั้น Open Source จึงมีการเติบโตเร็วมาก ๆ เพราะว่ามีผู้สนใจเข้ามาช่วยกันพัฒนาโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนโปรแกรมประเภทอื่น ๆ
ลักษณะของโปรแกรมทั่วไป
- Open Source สามารถดาวน์โหลดไปพัฒนาแจกจ่ายได้ฟรี
- Freeware สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี แต่ไม่สามารถพัฒนาโปรแกรมต่อได้
- Free Trial สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี ตามระยะเวลาที่กำหนด หลังจากนั้นจะต้องทำงานซื้อมาใช้งานเท่านั้น
- Shareware จำเป็นต้องซื้อเพื่อที่จะนำเอามาใช้งาน
โปรแกรมที่สร้างขึ้นจะเป็นประเภทไหนนั้น ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ โปรแกรม Open Source ที่เป็นเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของ CMS ที่สร้างขึ้นด้วยภาษา PHP & MySQL ซึ่งภาษา PHP และภาษา MySQL นั้นเป็น Open Source อยู่แล้ว จึงสามารถสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เป็น Open Source ได้


3.จงบอกประเภทของโปรแกรมยูทีลีตี้ที่คุณรู้จักมาสัก 3 โปรแกรม พร้อมอธิบายการใช้งาน
1.การใช้งานโปรแกรม Scan Disk
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งการอ่านเขียนบนผิวดิสก์ในบางครั้งอาจ เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ถ้าจุดที่ผิดพลาดเป็นไฟล์ข้อมูลไฟล์นั้นอาจเสียหรือใช้งานไม่ได้ดังนั้นโปรแกรม Scandisk ที่บรรจุอยู่ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ สามารถทำการตรวจสอบซ่อมแซมพื้นที่ที่เสียเหล่านั้น กลับมาให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และเป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบน ฮาร์ดดิสก์และแผ่นดิสก์เก็ต การเรียกใช้โปรแกรม Scandisk บน Windows 98 เรียกใช้โปรแกรม Scandisk โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Scandisk ตามรูปตัวอย่าง





เลือกที่ Scandisk เพื่อเริ่มต้นการทำงานของโปรแกรม

รูป การ Scan disk

หน้าตาของเมนูการเลือก Scandisk ซึ่งมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
Select the drive(s) คือช่องสำหรับเลือกฮาร์ดดิสก์ ที่ต้องการทำการตรวจสอบ Standard จะเป็นการตรวจสอบเฉพาะระบบไฟล์ต่าง ๆ เท่านั้น Thorough จะเป็นการตรวจสอบระบบไฟล์ต่าง ๆ และทำการทดสอบพื้นที่ใช้งานด้วยว่ามี ปัญหาหรือไม่ automatically fix errors เป็นการกำหนดให้ทำการแก้ไขปัญหาที่พบโดยอัตโนมัติ เมื่อพบข้อ ผิดพลาดขึ้น เมื่อเลือกค่าต่าง ๆได้เรียบร้อยแล้วก็คลิกที่ Start เพื่อเริ่มต้นการทำการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ในที่ นี้หากฮาร์ดดิสก์ ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก ก็ทำแบบ Standard ก็พอแล้วแต่ถ้าหากเป็นฮาร์ดดิสก์ที่ สงสัยว่าใกล้จะเสีย หรือคิดว่าปัญหาเกิดจาก ฮาร์ดดิสก์แล้ว ให้เลือกที่ thorough ซึ่งจะทำการตรวจสอบ พื้นผิวได้ดีกว่า (แต่ก็จะใช้เวลานานด้วย)
รายงานผลของการตรวจสอบเมื่อสิ้นสุด จะเป็นรายละเอียดต่าง ๆ ของฮาร์ดดิสก์ที่ทำการตรวจสอบ
การจัดระเบียบไฟล์ด้วยโปรแกรม Defragmenter ปกติไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมต่าง ๆ บนฮาร์ดดิสก์จะถูกจัดเก็บบนพื้นผิวดิสก์กระจัดกระจาย ทั่ว ๆ ไป ซึ่งถ้าส่วนของไฟล์มีการกระจัดกระจายกันมาก ทำให้การอ่านเขียนไฟล์ในแต่ละครั้งหัวอ่าน ของดิสก์จะใช้เวลามากตามไปด้วย ส่งผลให้การทำงานช้าลง ดังนั้นการแก้ไขก็ทำได้ด้วยการจัดเรียง ส่วนของไฟล์ให้เป็นระเบียบ ซึ่งควรจัดทำอย่างน้อยเดือนละครั้ง การใช้โปรแกรม Defragmenter บน Windows 98 เรียกใช้โปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และ เลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ดังรูป

เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อเรียกใช้โปรแกรม Defrag
เลือกที่ Drive ที่ต้องการทำ Defrag และกด OK เพื่อเริ่มต้นการทำ Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทำการตั้งค่าต่าง ๆ ก่อนก็ได้
การเข้าสู่โปรแกรม Defragmenter บน Windows XP





ข้อควรระวังในการ Defragmenter ขณะที่กำลังทำการ Defrag หากต้องการยกเลิกการทำงาน จะต้องกดที่ Stop เท่านั้นห้ามปิดเครื่อง หรือกดปุ่ม Reset เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ของคุณอาจจะสูญหายได้

2.โปรแกรมที่ใช้ในการป้องกันไวรัส
โปรแกรมป้องกันไวรัส เป็นโปรแกรมหนึ่งที่จำเป็นมากต่อการใช้งานในยุคนี้ เนื่องจากมี การแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์อยู่ทุก ๆ ขณะประกอบกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ก็จะ มีผู้ใช้งานหลายคน และบ่อยครั้งที่มีการใช้แผ่นดิสก์เก็ตร่วมกันรวมถึงการคัดลอกไปมาระหว่างเครื่อง อื่น ๆ และการใช้งานบนระบบเครือข่าย และอินเทอร์เน็ต สิ่งเหล่านี้ล้วนเสี่ยงต่อการติดไวรัส คอมพิวเตอร์มากขึ้น ยิ่งถ้าหากเครื่องที่ใช้งานของเราไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส ก็ยิ่งทำให้เกิด ความเสี่ยงในการติดไวรัสได้อย่างง่าย และเมื่อเครื่องติดไวรัสแล้ว ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวโดย เฉพาะไวรัสที่มีการทำงานมุ่งทำร้ายข้อมูลสำคัญ ๆ ดังนั้นจึงสังเกตได้ว่าปัจจุบันเครื่องคอมพิวเตอร์แทบ ทุกคนเครื่องจะมีโปรแกรมป้องกันไวรัสแทบทั้งสิ้น หลังจากที่ได้ทำการติดตั้งโปรแกรมไวรัสแล้วโปรแกรมป้องกันไวรัสดังกล่าวจะทำการโหลด ทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง และจะทำงานแบบหลบซ่อนอยู่ภายใน หากมีการใช้ดิสก์จากแหล่งอื่นหรือมีการ นำไฟล์อื่น ๆ มาใช้งานและโหลดเข้าไปในเครื่อง โปรแกรมก็จะทำการตรวจสอบว่ามีไวรัสหรือเปล่า หากมีการตรวจสอบพบ ก็จะฟ้องข้อความเตือนให้ผู้ใช้งานทราบทันที
โปรแกรม Norton Antivirus


โปรแกรมกำลังทำหน้าที่ Scan Virus
โปรแกรมไวรัสในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นของ McAfee หรือของ Norton ซึ่งในการติดตั้ง โปรแกรมควรเลือกติดตั้งโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่งเท่านั้น ไม่ควรลงทั้งสองโปรแกรม ลง ในเครื่องเดียวกันเพราะอาจทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีหรือในกรณีที่เครื่องมีโปรแกรมป้องกันไวรัสของ Norton อยู่แล้ว และต้องการลงโปรแกรมป้องกันของ McAfee ก็ควรทำการ Uninstall โปรแกรม ป้องกันไวรัสของ Norton ที่มีอยู่เดิมออกเสียก่อน จากนั้นก็ดำเนินการติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส ของ McAfee ต่อไป
โปรแกรม McAfee Virus Scan
3.การใช้งานโปรแกรมย่อไฟล์
โปรแกรมย่อไฟล์ (WinZip)
โปรแกรม WinZip ในปัจจุบันเป็น โปรแกรมยูทิลิตี้ตัวหนึ่งที่นิยมใช้กันมากทีเดียวโดยจะทำ การย่อไฟล์ต้นฉบับให้เป็นไฟล์ย่อที่มีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังสามารถทำการย่อไฟล์แบบต่อแผ่นดิสก์ได หลายๆ แผ่น ทำให้สะดวกและประหยัดแผ่นดิสก์รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้สำหรับการสำรองข้อมูลที่ ขนาดใหญ่ลงในดิสก์หรือในซีดีรอมได้
การเข้าสู่โปรแกรม WinZip 8.0 คลิกที่ Start > Programs> WinZip 8.0

4. โปรแกรมป้องกันไวรัสมีความสำคัญอย่างไร

โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-Virus)
ไวรัส สแปม และมัลแวร์ประเภทต่างๆ เป็นภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์อันดับต้นๆ ที่ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่าย ต้องพึงระวังและหาวิธีการป้องกันและกำจัดภัยอันตรายเหล่านี้ เพราะเหล่าไวรัส สแปม และมัลแวร์ ต่างถูกพัฒนาให้ทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวคือมีความสามารถและรูปแบบในการโจมตีที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสจึงเป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญในการเฝ้าระวังและคอยกำจัดภัยคุกคามเหล่านี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างปลอดภัย
โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-Virus)
ในโลกแห่งอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนทั่วโลกใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร เรียนรู้ ติดต่อธุรกิจนั้น นอกจากคุณประโยชน์มากมายมหาศาลที่เราได้รับแล้วยังมีอันตรายมากมายที่แฝงตัวมาพร้อมกันอีกด้วย โดยที่ตัวเราหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นไม่สามารถที่จะสอดส่องดูแลหรือคอยระแวดระวังภัยให้กับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อคอยช่วยเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่ง โปรแกรมป้องกันไวรัสคือโปรแกรมที่คอยดักจับและทำการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมที่ไม่ประสงค์ดีอื่นๆเช่น มัลแวร์ โทรจัน สปายแวร์ เป็นต้น โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่
- แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมสำหรับตรวจจับและทำลายไวรัสทั่วๆไปที่เข้าหาแฝงตัวอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
- แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากแฮกเกอร์ รวมถึงช่วยป้องกันสปายแวร์และแอดแวร์ (Adsware) หรือโปรแกรมป๊อปอัพโฆษณาอีกด้วย
หลักการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส
โดยส่วนใหญ่แล้วเทคนิคหรือรูปแบบในการทำงานของโปรแกรมตรวจจับไวรัสของแต่ละบริษัทก็จะมีรูปแบบและหลักการทำงานที่คล้ายคลึงและแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 เทคนิค ดังนี้
1. การตรวจหา (Scanning)
เป็นการสั่งให้ตัวตรวจหาเข้าไปค้นหาไฟล์ที่อาจถูกไวรัสแฝงอยู่ เช่น ไฟล์ที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์ ส่วนเริ่มต้นในการบู๊ต โดยใช้หลักการ Checksum ซึ่งมีหลักในการทำงานคือ ไฟล์ทุกไฟล์จะมีตัวเก็บข้อมูลว่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของไฟล์อยู่ที่ใด ตามด้วยข้อมูลของไฟล์และค่า Checksum ตัวตรวจหาจะคำนวณค่า Checksum ของแต่ละไฟล์แล้วนำไปเปรียบเทียบกับค่า Checksum ที่มีอยู่เดิม หากค่า Checksum ที่คำนวณได้กับที่มีอยู่เดิมไม่ตรงกัน นั่นแสดงว่าไฟล์นั้นๆมีไวรัสแฝงตัวอยู่ด้วย นอกจากนี้การตรวจหายังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
(1) การตรวจหาประเภท On-access เป็นวิธีตรวจหาไวรัสก่อนที่ไฟล์จะถูกโหลดเข้าหน่วยความจำเพื่อทำการเอ็กซิคิวต์
(2) การตรวจหาประเภท On-demand วิธีที่ผู้ใช้งานสั่งโปรแกรมให้ทำการตรวจหาไวรัสในไฟล์ที่ถูกเก็บอยู่ในหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์หรือส่วนเริ่มต้นในการบู๊ตตามแต่ความต้องการของผู้ใช้ ข้อดีของการตรวจหาคือสามารถตรวจหาไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในไฟล์ได้ก่อนทำการเอ็กซิคิวต์ (Execute)
2. การตรวจสอบความคงอยู่ (Integrity Checking)
เทคนิคนี้อาศัยตัวตรวจสอบความคงอยู่ (Integrity Checker) ที่เก็บข้อมูลความคงอยู่ของไฟล์ (Integrity Information) เอาไว้สำหรับเปรียบเทียบ ข้อมูลความคงอยู่ของไฟล์นั้นยกตัวอย่างเช่น ขนาดของไฟล์ เวลาแก้ไขครั้งล่าสุด และค่า Checksum เป็นต้น โดยเมื่อไฟล์ที่ถูกเก็บเอาไว้มีการเปลี่ยนแปลงจนเปลี่ยนไปไม่ตรงกับข้อมูลเดิมที่เคยได้เก็บค่าเอาไว้ โปรแกรมจะทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ทราบถึงความผิดปกติและอนุญาตให้ผู้ใช้กู้ไฟล์เดิมที่ยังไม่ติดไวรัสกลับคืนมาได้อีกด้วย ข้อดีของเทคนิคนี้คือ ความผิดพลาดในการตรวจสอบไฟล์ว่ามีการติดไวรัสหรือไม่นั้นเกิดขึ้นได้น้อย อีกทั้งยังสามารถกู้คืนไฟล์กลับคืนมาได้อีกด้วย

3
. การตรวจจับไวรัสโดยการวิเคราะห์พฤติกรรม (Heuristic)
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันทั่วไปอย่างแพร่หลาย วิธีการทำงานของเทคนิคนี้คือ โปรแกรมจะทำการเปรียบเทียบการทำงานของไวรัสกับชุดกฎฮิวริสติก (Heuristic) โดยชุดกฎนี้จะมีข้อมูลและรูปแบบการทำงานของไวรัสเก็บเอาไว้ จากนั้นโปรแกรมจะนำไฟล์มาจับคู่กับแพทเทิร์นกับชุดกฎที่มีอยู่เพื่อตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ หากตรงนั่นก็หมายความว่าไฟล์นั้นติดไวรัส โปรแกรมก็จะทำการแจ้งเตือนต่อผู้ใช้งานต่อไป ข้อดีของเทคนิคนี้คือ ระบบจะมีความยืดหยุ่นในการตรวจจับ และระบบจะสามารถเรียนรู้ไวรัสตัวใหม่ๆได้เอง
4. การตรวจจับไวรัสโดยการดักจับ
เทคนิคนี้โปรแกรมกำจัดไวรัสจะมีวิธีการในการดักจับไวรัสโดยการสร้าง Virtual machine (การจำลองการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์) ที่มีความอ่อนแอขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้ไวรัสเข้ามาโจมตี และคอยเฝ้าดูว่ามีโปรแกรมใดบ้างในเครื่องที่ทำงานผิดปกติหรือน่าสงสัย ซึ่งโปรแกรมหรือไฟล์นั้นๆอาจจะมีไวรัสแฝงตัวอยู่ ข้อดีของโปรแกรมนี้คือสามารถหยุดการทำงานของโปรแกรมไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น