แบบฝึกหัด
เรื่อง ซอฟแวร์
1. ซอฟแวร์ประยุกต์เกี่ยวข้องกับระบบปฎิบัติการอย่างไรบ้าง จงอธิบาย
ซอฟต์แวร์ประยุกร์จะสามารถทำงานบนระบบปฏบัติการหนึ่งๆได้ ถ้าหากระบบปฎิบัติการมีสภาพแวดล้อม (Enviroment) ที่สามารถจัดสรรทรัพยากรของเครื่องให้แก่โปรแกรมประยุกต์นั้นได้ ถ้าหากไม่มีระบบปฏิบัติการหรือระบบปฏิบัติการที่ไม่สนับสนุน โปรแกรมประยุกต์นั้นก็ไม่สามารถที่จะทำงานได้
2. ซอฟแวร์ประเภท Open Source คืออะไร
Open Source (ภาษาไทย: โอเพนซอร์ส) คือวิธีการในการออกแบบ พัฒนา และแจกจ่ายสำหรับต้นฉบับของสินค้าหรือความรู้ โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ โดยโอเพนซอร์ซถูกพิจารณาว่าเป็นทั้งรูปแบบหนึ่งในการออกแบบ และแผนการในการดำเนินการ โดยโอเพนซอร์ซเปิดโอกาสให้บุคคลอื่นนำเอาระบบนั้นไปพัฒนาได้ต่อไป
Open Source จึงเป็นโปรแกรมที่มีนักพัฒนาสร้างขึ้นมา และนำมาแจกจ่ายหรือเปิดโอกาสให้ผู้อื่นเข้ามาร่วมกันพัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ ได้ โดยมีการเปิดเผย Source Code และสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมไปพัฒนาต่อได้
เพราะฉะนั้น Open Source จึงมีการเติบโตเร็วมาก ๆ เพราะว่ามีผู้สนใจเข้ามาช่วยกันพัฒนาโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเหมือนโปรแกรมประเภทอื่น ๆ
ลักษณะของโปรแกรมทั่วไป
- Open Source สามารถดาวน์โหลดไปพัฒนาแจกจ่ายได้ฟรี
- Freeware สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี แต่ไม่สามารถพัฒนาโปรแกรมต่อได้
- Free Trial สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี ตามระยะเวลาที่กำหนด หลังจากนั้นจะต้องทำงานซื้อมาใช้งานเท่านั้น
- Shareware จำเป็นต้องซื้อเพื่อที่จะนำเอามาใช้งาน
โปรแกรมที่สร้างขึ้นจะเป็นประเภทไหนนั้น ขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาโปรแกรมนั้น ๆ โปรแกรม Open Source ที่เป็นเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบของ CMS ที่สร้างขึ้นด้วยภาษา PHP & MySQL ซึ่งภาษา PHP และภาษา MySQL นั้นเป็น Open Source อยู่แล้ว จึงสามารถสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เป็น Open Source ได้
3.จงบอกประเภทของโปรแกรมยูทีลีตี้ที่คุณรู้จักมาสัก 3 โปรแกรม พร้อมอธิบายการใช้งาน
1.การใช้งานโปรแกรม Scan Disk |
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์สำคัญในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งการอ่านเขียนบนผิวดิสก์ในบางครั้งอาจ เกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ถ้าจุดที่ผิดพลาดเป็นไฟล์ข้อมูลไฟล์นั้นอาจเสียหรือใช้งานไม่ได้ดังนั้นโปรแกรม Scandisk ที่บรรจุอยู่ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ สามารถทำการตรวจสอบซ่อมแซมพื้นที่ที่เสียเหล่านั้น กลับมาให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และเป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบน ฮาร์ดดิสก์และแผ่นดิสก์เก็ต การเรียกใช้โปรแกรม Scandisk บน Windows 98 เรียกใช้โปรแกรม Scandisk โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Scandisk ตามรูปตัวอย่าง |
เลือกที่ Scandisk เพื่อเริ่มต้นการทำงานของโปรแกรม
4. โปรแกรมป้องกันไวรัสมีความสำคัญอย่างไร
โปรแกรมป้องกันไวรัส (Anti-Virus)
ไวรัส สแปม และมัลแวร์ประเภทต่างๆ เป็นภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์อันดับต้นๆ ที่ผู้ใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และระบบเครือข่าย ต้องพึงระวังและหาวิธีการป้องกันและกำจัดภัยอันตรายเหล่านี้ เพราะเหล่าไวรัส สแปม และมัลแวร์ ต่างถูกพัฒนาให้ทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวคือมีความสามารถและรูปแบบในการโจมตีที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสจึงเป็นกระบวนการพื้นฐานที่สำคัญในการเฝ้าระวังและคอยกำจัดภัยคุกคามเหล่านี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้คอมพิวเตอร์ได้อย่างปลอดภัย
ในโลกแห่งอินเทอร์เน็ตที่ผู้คนทั่วโลกใช้สำหรับติดต่อสื่อสาร เรียนรู้ ติดต่อธุรกิจนั้น นอกจากคุณประโยชน์มากมายมหาศาลที่เราได้รับแล้วยังมีอันตรายมากมายที่แฝงตัวมาพร้อมกันอีกด้วย โดยที่ตัวเราหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นไม่สามารถที่จะสอดส่องดูแลหรือคอยระแวดระวังภัยให้กับคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนาโปรแกรมป้องกันไวรัสเพื่อคอยช่วยเป็นหูเป็นตาอีกทางหนึ่ง โปรแกรมป้องกันไวรัสคือโปรแกรมที่คอยดักจับและทำการกำจัดไวรัสคอมพิวเตอร์หรือโปรแกรมที่ไม่ประสงค์ดีอื่นๆเช่น มัลแวร์ โทรจัน สปายแวร์ เป็นต้น โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสนั้นแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่
- แอนติไวรัส เป็นโปรแกรมสำหรับตรวจจับและทำลายไวรัสทั่วๆไปที่เข้าหาแฝงตัวอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา
- แอนติสปายแวร์ เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากแฮกเกอร์ รวมถึงช่วยป้องกันสปายแวร์และแอดแวร์ (Adsware) หรือโปรแกรมป๊อปอัพโฆษณาอีกด้วย
หลักการทำงานของโปรแกรมป้องกันไวรัส
โดยส่วนใหญ่แล้วเทคนิคหรือรูปแบบในการทำงานของโปรแกรมตรวจจับไวรัสของแต่ละบริษัทก็จะมีรูปแบบและหลักการทำงานที่คล้ายคลึงและแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 เทคนิค ดังนี้
1. การตรวจหา (Scanning)
เป็นการสั่งให้ตัวตรวจหาเข้าไปค้นหาไฟล์ที่อาจถูกไวรัสแฝงอยู่ เช่น ไฟล์ที่ถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์ ส่วนเริ่มต้นในการบู๊ต โดยใช้หลักการ Checksum ซึ่งมีหลักในการทำงานคือ ไฟล์ทุกไฟล์จะมีตัวเก็บข้อมูลว่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของไฟล์อยู่ที่ใด ตามด้วยข้อมูลของไฟล์และค่า Checksum ตัวตรวจหาจะคำนวณค่า Checksum ของแต่ละไฟล์แล้วนำไปเปรียบเทียบกับค่า Checksum ที่มีอยู่เดิม หากค่า Checksum ที่คำนวณได้กับที่มีอยู่เดิมไม่ตรงกัน นั่นแสดงว่าไฟล์นั้นๆมีไวรัสแฝงตัวอยู่ด้วย นอกจากนี้การตรวจหายังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
(1) การตรวจหาประเภท On-access เป็นวิธีตรวจหาไวรัสก่อนที่ไฟล์จะถูกโหลดเข้าหน่วยความจำเพื่อทำการเอ็กซิคิวต์
(2) การตรวจหาประเภท On-demand วิธีที่ผู้ใช้งานสั่งโปรแกรมให้ทำการตรวจหาไวรัสในไฟล์ที่ถูกเก็บอยู่ในหน่วยความจำหรือฮาร์ดดิสก์หรือส่วนเริ่มต้นในการบู๊ตตามแต่ความต้องการของผู้ใช้ ข้อดีของการตรวจหาคือสามารถตรวจหาไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในไฟล์ได้ก่อนทำการเอ็กซิคิวต์ (Execute)
2. การตรวจสอบความคงอยู่ (Integrity Checking)
เทคนิคนี้อาศัยตัวตรวจสอบความคงอยู่ (Integrity Checker) ที่เก็บข้อมูลความคงอยู่ของไฟล์ (Integrity Information) เอาไว้สำหรับเปรียบเทียบ ข้อมูลความคงอยู่ของไฟล์นั้นยกตัวอย่างเช่น ขนาดของไฟล์ เวลาแก้ไขครั้งล่าสุด และค่า Checksum เป็นต้น โดยเมื่อไฟล์ที่ถูกเก็บเอาไว้มีการเปลี่ยนแปลงจนเปลี่ยนไปไม่ตรงกับข้อมูลเดิมที่เคยได้เก็บค่าเอาไว้ โปรแกรมจะทำการแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ทราบถึงความผิดปกติและอนุญาตให้ผู้ใช้กู้ไฟล์เดิมที่ยังไม่ติดไวรัสกลับคืนมาได้อีกด้วย ข้อดีของเทคนิคนี้คือ ความผิดพลาดในการตรวจสอบไฟล์ว่ามีการติดไวรัสหรือไม่นั้นเกิดขึ้นได้น้อย อีกทั้งยังสามารถกู้คืนไฟล์กลับคืนมาได้อีกด้วย
3. การตรวจจับไวรัสโดยการวิเคราะห์พฤติกรรม (Heuristic)
3. การตรวจจับไวรัสโดยการวิเคราะห์พฤติกรรม (Heuristic)
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่นิยมใช้กันทั่วไปอย่างแพร่หลาย วิธีการทำงานของเทคนิคนี้คือ โปรแกรมจะทำการเปรียบเทียบการทำงานของไวรัสกับชุดกฎฮิวริสติก (Heuristic) โดยชุดกฎนี้จะมีข้อมูลและรูปแบบการทำงานของไวรัสเก็บเอาไว้ จากนั้นโปรแกรมจะนำไฟล์มาจับคู่กับแพทเทิร์นกับชุดกฎที่มีอยู่เพื่อตรวจสอบว่าตรงกันหรือไม่ หากตรงนั่นก็หมายความว่าไฟล์นั้นติดไวรัส โปรแกรมก็จะทำการแจ้งเตือนต่อผู้ใช้งานต่อไป ข้อดีของเทคนิคนี้คือ ระบบจะมีความยืดหยุ่นในการตรวจจับ และระบบจะสามารถเรียนรู้ไวรัสตัวใหม่ๆได้เอง
4. การตรวจจับไวรัสโดยการดักจับ
เทคนิคนี้โปรแกรมกำจัดไวรัสจะมีวิธีการในการดักจับไวรัสโดยการสร้าง Virtual machine (การจำลองการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์) ที่มีความอ่อนแอขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้ไวรัสเข้ามาโจมตี และคอยเฝ้าดูว่ามีโปรแกรมใดบ้างในเครื่องที่ทำงานผิดปกติหรือน่าสงสัย ซึ่งโปรแกรมหรือไฟล์นั้นๆอาจจะมีไวรัสแฝงตัวอยู่ ข้อดีของโปรแกรมนี้คือสามารถหยุดการทำงานของโปรแกรมไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น